การฉีด Filler ใต้ตาเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นการแก้ปัญหาใต้ตาอย่างตรงจุดและเห็นผลได้เร็ว ทำให้หลายคนนิยมไปฉีดเพื่อช่วยแก้ปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ให้ดูดีขึ้น เพราะรอบดวงตาเป็นจุดสำคัญของใบหน้า ที่หากมีริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาดำ หรือใต้ตาหย่อนคล้อยก็จะทำให้เสียความมั่นใจได้
ฉีด Filler ใต้ตา เหมาะกับใคร ช่วยแก้เรื่องอะไรบ้าง?
การฉีด filler ใต้ตาเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย เบ้าตาลึก ตาโหล ใต้ตาคล้ำ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาหรือใต้ตาดำมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น มีอาการภูมิแพ้ทำให้ขอบตาคล้ำ การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เกิดจากกรรมพันธุ์ และจากอายุที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้นเส้นเอ็นพยุงผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยลงทำให้ใต้ตาเริ่มหย่อนคล้อยลง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid ที่เป็นสารเติมเต็มให้ผิวเข้าไปในบริเวณใต้ตาเพื่อช่วยทดแทนคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวใต้ตาดูตื้นขึ้นและกระชับ ส่วนการฉีดจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ครั้งละ 1 – 2 cc ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และปัญหาใต้ตาของแต่ละคน
ฉีด filler ใต้ตา นานแค่ไหนถึงเห็นผล ?
การฉีด Filler ใต้ตาสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด โดยจะเห็นว่าผิวใต้ตาดูตื้นและกระชับขึ้น แต่อาจมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 2 – 3 วัน จากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง และจะเริ่มเข้าที่ในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ ทำให้ใต้ตาดูเป็นธรรมชาติ หลังฉีดแล้วไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถไปทำงานหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีแผล
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้และการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงหลังฉีดฟิลเลอร์ก็ส่งผลต่ออายุของฟิลเลอร์ได้เช่นกัน หลังฉีด filler ใต้ตาแนะนำว่าไม่ควรออกแดดบ่อยหรือเข้าใกล้ความร้อนเพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการออกกำลังกาย การทำเลเซอร์บนใบหน้า ซาวน่า และอื่น ๆ
สำหรับใครที่มีปัญหาใต้ตาก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีด Filler ใต้ตาได้ แต่แนะนำว่าควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการเลือกฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรือ อย. เพราะหากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพหรือให้ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ฉีดให้อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปผิดจุด ไปถูกส่วนอื่น ๆ ทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันในเส้นเลือดใต้ตาจนทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้